วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม




เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม มีความยาวประมาณ 1 เล่มสมุดไทย สุนทรภู่แต่งระหว่างพ.ศ. 2365-2367 ในสมัยรัชกาลที่ 2 หลังจากพ้นโทษคือออกจากคุกมาแล้ว เรื่องนี้สุนทรภู่แต่งตามพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

1. เหตุที่สุนทรภู่แต่งขุนช้างขุนแผน

สุนทรภู่ได้เข้าสู่สนามกวีอันมีเกียรติอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้ชำระเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ทรงขอแรงพวกกวีชั้นเอกแห่งรัชกาลของพระองค์ช่วยกันแต่งคนละตอนสองตอน และมักปิดนามผู้แต่ง เท่าที่เราทราบจนกระทั่งบัดนี้ ตอนกำเนิดพลายงาม เป็นผลงานของท่านสุนทรภู่ มหากวีที่ชาติเป็นหนี้บุญคุณ เนื่องด้วยขุนช้างขุนแผนเป็นการประกวดประชันกัน สุนทรภู่จึงบรรจงกลอนของท่านอย่างสุดฝีมือ ไม่มีกลอนเรื่องใดของท่านที่ประณีตบรรจงเท่า


2. สังเขปความ

เนื้อเรื่องเฉพาะตอนที่สุนทรภู่แต่งนี้มีว่า วันทองเมื่ออยู่กับขุนช้างนั้น ท้องครบสิบเดือนก็คลอดบุตรชาย เลี้ยงมาจนอายุ9 ขวบ หน้าตาเหมือนขุนแผน วันทองจึงตั้งชื่อว่าพลายงาม ขุนช้าง ก็โกรธว่าเด็กคนนี้มิใช่ลูกตัว แต่เป็นลูกของขุนแผนศัตรูของตน จึงอุบายลวงพลายงามไปในป่าจะฆ่าเสีย แต่ได้ผีพรายของขุนแผนช่วยไว้จึงไม่ตาย แล้วพรายจึงไปกระซิบบอกวันทอง วันทองออกตามหาพลายงามด้วยความละห้อยโหย เหมือนมัทรีตามชาลีกัณหาในที่สุดไปพบลูกกำลังร้องไห้อยู่ พลายงามเล่าความชั่วของขุนช้างให้ฟัง แล้ววันทองก็บอกความจริงแก่ลูกว่ามิใช่ลูกขุนช้าง ส่วนขุนแผนซึ่งเป็นพ่อนั้นกำลังติดคุกอยู่ บอกว่ามีแต่ย่าชื่อทองประศรีอยู่กาญจนบุรี ที่วัดเชิงหวาย จะเป็นที่พึ่งได้ พลายงามก็คิดจะไปพึ่งย่า วันนั้นค่ำแล้ววันทองจึงพาลูกไปฝากสมภารชื่อขรัวนาควัดเขาไว้ วันทองกลับบ้านขุนช้างแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ในเรื่องพลายงาม เมื่อรู้ว่าหายไปก็แสร้งครํ่าครวญจนหลับ รุ่งเช้าวันทองจัดของให้ลูกไปรับลูกที่วัด ลาสมภารแล้วชี้ทางไปเมืองกาญจน์ ครวญครํ่าอย่างน่าปริเทวนา “จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ’’ ลูกน้อยกลอยใจก็ปลอบแม่ “แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว” วันทองหักอารมณ์อวยพรสั่งสอนลูก และว่า “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน” ตอนพรรณนาที่เด่นที่สุดคือ ตอนแม่ลูกจากกัน เมื่อพลายงามถึงเมืองกาญจน์ รู้กิตติศัพท์จากเด็กๆ ว่าบ้านทองประศรีมีมะยมหวานที่เด็กๆ ชอบไปขโมย ทองประศรีคอยจับเสมอ และ “ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า แกจับเอานมยานฟัดกะบาลหัว” พลายงามจึงให้เด็กเหล่านี้เป็นมัคคุเทศก์พาไปขึ้นมะยมต้นนั้นพร้อมกับเด็กๆ ในที่สุดทองประศรีจึงลงจากเรือนไล่เด็กกระจุยไป ตีไม่ว่าลูกเต้าเหล่าใคร แม้พลายงามจะบอกว่าเป็นหลานมาจากสุพรรณก็ไม่ฟังเสียง พลายงามโดดลงจากต้นมะยมมากราบตีน ก็ไม่วายโดนกระบองทองประศรี นี่เป็นอารมณ์คนแก่ขี้หลง พอทราบว่าเป็นลูกหลานก็ฝนไพลให้ทา อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ด้วยความรัก พลายงามจึงเล่าความจริงให้ฟังตลอด ทองประศรีก็ด่าขุนช้างระงมไป พอคํ่าก็จัดการรับมิ่งขวัญหลาน จัดบายศรีและมีเวียนเทียนบทเชิญขวัญมีทั้งไทย ลาว และทวาย พึงสังเกตว่าสุนทรภู่รู้ภาษาเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี และเมื่อนำมาไว้ในกลอนยิ่งเป็นหัสบันเทิงสำคัญนัก พลายงามถามย่าถึงเรื่องพ่อ ทองประศรีเล่าว่าติดคุกมา 10 ปีแล้ว รุ่งเช้าก็ขึ้นช้างพาหลานไปหาพ่อที่อยุธยา เดินทาง 2 วันครึ่งจึงถึง ความตอนที่ขุนแผนติดคุกเล่าไว้เป็นนัยดังนี้ ทองประศรีแนะให้รู้จักพลายงาม และเล่าเรื่องขุนช้างทำร้าย ขุนแผนโกรธมากคิดจะไปฆ่าขุนช้าง แต่ทองประศรีให้สติและห้ามไว้ ขุนแผนมอบให้ทองประศรีอบรมพลายงาม ขุนแผนสอนบุตรพร้อมกับความโศกาดูร พลายงามขออยู่ในคุกด้วยเพื่อปรนนิบัติพ่อแล้วทองประศรีก็พาหลานกลับ ไปอบรมสั่งสอนคาถาอาคมต่างๆ จนอายุได้ 13 ปี โกนจุกมีขรัวเกิดสมภารวัดเขาชนไก่ใกล้บ้านเป็นครูขุนแผนมาสวดมนต์ด้วย ท่านว่าขุนแผนว่าแล้วดูพลายงามว่าพลายงามพอผมยาวก็ตัดมหาดไทย คิดจะถวายตัวและทูลขอให้พ่อพ้นโทษ พลายงามไปหาพ่อบอกว่า “ลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว’’ พอพลบก็พาลูกไปหาพระหมื่นศรีแนะนำให้รู้จักพลายงาม ขอฝากจมื่นศรีเสาวรักษ์ๆ ก็รับอุปการะและอบรมเป็นอย่างดี พลายงามตามหลังพระหมื่นศรีไปวังทุกวัน ถึงวันดีได้ช่องพระหมื่นศรีก็นำพลายงามถวายตัว ว่าเป็นบุตรขุนแผน มีความรู้ และขอรับราชการเป็นมหาดเล็ก

3 ข้อสังเกตกระบวนกลอน

ว่าถึงกระบวนกลอนในตอนกำเนิดพลายงามนี้เป็นลักษณะแห่งศิลปะของสุนทรภู่โดยแท้ คือเป็นกลอนที่เต็มไปด้วยสัมผัสในอันเพราะพริ้งยิ่งนัก โดยตลอดเราจะเห็นวรรคละ 8 คำล้วน นี่เป็นลักษณะที่สุนทรภู่ใช้เขียนเรื่องของท่าน เช่น โคบุตร พระอภัย และลักษณวงศ์ เป็นกระบวนกลอนที่เหมาะสำหรับเรื่องประโลมโลกของท่านโดยเฉพาะเมื่อสุนทรภู่มาเขียนกลอนเสภา มีเสียงกล่าวกันว่า ศิลปะของท่านขัดกับลีลาของเสภา กล่าวคือ เสภาเป็นบทสำหรับขับร้อง (และบางทีมีการรำด้วย) ให้เหมาะเจาะกับกิริยาอาการและอารมณ์ต่างๆ เช่น รัก โศก และดุดัน การใช้คำในวรรคหนึ่งๆ ก็ย่อมต้องเกี่ยวกับอารมณ์อันแสดงออก อาจเป็นวรรคละ 6-7 คำเหมาะก็มี ไม่ต้องถึง 8 คำเสมอไป กลอนเสภาที่ดีจึงนิยมคำมากบ้างน้อยบ้าง เพราะเกี่ยวกับการเอื้อนและจังหวะกรับ จังหวะรำ ให้กลมกลืนกันพอดี จงสังเกตกลอนเสภาที่ชอบขับกันมากคือพระราชนิพนธ์รัชกาลที่2หรือสำนวนของครูแจ้ง จะเห็นได้ว่ามีลักษณะดังกล่าวนี้ส่วนของสุนทรภู่เป็นกลอน 8 ล้วน จึงขับเสภาได้ไม่สนิทสนม อาจขัดกับลีลาของศิลปะแห่งเสภาดังที่มีผู้กล่าวไว้กระมัง



อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=Va8ucGzaHO0&t=6s

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน






กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2



กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สันนิฐานว่าทรงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 เพราะมีความบางตอนได้ทรงชมสมเด็จพระศรีสุริเยน ทราบรมราชินีเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ ซึ่งมีฝีพระหัตถ์ในกระบวนเครื่องเสวยไม่มีผู้ใดจะมีฝีมือเทียบเคียงได้
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน เป็นความงดงามของวรรณคดีที่สะท้อนให้เห็นความประณีต ละเอียดละอ่อนของชนชาติไทยที่บรรจงประดิดประดอยโภชนาหารนานาชนิดให้เลิศด้วย รสชาติแลวิลาสด้วยรูปลักษณ์ และสะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่าเด่นชัด บทเห่แบ่งเป็นชมเครื่องคาว ชมผลไม้ และชมเครื่องหวาน บทเห่ชมเครื่องคาว ไม่เพียงแต่จะเอ่ยเพียงชื่ออาหารที่เป็นที่นิยมในกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้น แต่ยังบอกลักษณะที่ควรจะเป็นของอาหารชนิดนั้นไว้
มัสมั่นแกงแก้วตา       หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลิ่นแกง     แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา

อาหารคาวที่ปรากฏในบทเห่นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระปรีชาสามารถเลือกอาหารขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความในพระราชหฤทัยได้อย่างไพเราะ เหมาะสม กลมกลืนและบริบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ ซึ่งถือได้ว่าเลิศกว่ารสใดๆ ทั้งสิ้น
ล่าเตียงคิดเตียงนอน           นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล              ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า           รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์                ร้อนรุมรุ่นกลุ้มกลางทรวง

(ยาม ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงทอดพระเนตร “ ล่าเตียง ” ก็ทรงรำลึกถึงแท่นบรรจถรณ์ที่นำมาจาก ล้านนาของพระมเหสี แลทรงปรารถนาจะร่วมอภิรมย์ประสมสอง หากแต่พอทรงทอดพระเนตรเห็น “ หรุ่ม ” ก็ทรงปริเทวนาการ ด้วยรักนั้นถึงกาลวิปโยค)

ความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้มีการติดต่อค้าขายกับชนชาติต่างๆ จึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมเกิดขึ้น “ น้ำปลาญี่ปุ่น ” แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนสุวรรณภูมิและดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ สนิมแนบแน่นมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เกิดการผสมผสานของวัฒนธรรมด้านอาหารของคนสองเชื้อชาติได้อย่างลงตัว
ยำใหญ่ใส่สารพัด           วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา              ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ


เห่ชมผลไม้ เริ่มด้วยการชมผลชิดแช่อิ่ม และพรรณนาถึงผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ลูกตาล ลูกจากลอยแก้ว มะปราง มะม่วงหมอนทอง มะม่วงอกร่อง ลิ้นจี่ พลับจีนกวน น้ำตาล น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด เงาะ และผลสละ ศาสตร์และศิลปะแห่งอาหารชาววัง ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบจากบทเห่ชมผลไม้ซึ่งได้พรรณนา ถึงศิลปะในการแกะ ปอก คว้านผลไม้ได้อย่างวิจิตร งดงาม ของกุลสตรีไทยที่ไม่มีหญิงชนชาติใดเหมือน

น้อยหน่านำเมล็ดออก              ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน                    เทียบเทียมที่ฝีมือนาง

เห่ชมเครื่องหวาน มีเครื่องหวานหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียว สังขยาหน้าไข่ ซ่าหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง และฝอยทอง เครื่องหวานที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานในด้านวัฒนธรรมอาหารของไทย กับหลายเชื้อชาติตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์ กรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

มัศกอดกอดอย่างไร           น่าสงสัยใครขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ       ขนมนามนี้ยังเคลง
ลุดตี่นี้น่าชม                       แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง               แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนอกจาก จะแสดงถึงพระปรีชาสามารถทางกวีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ ทรงพระราชนิพนธ์ได้อย่างไพเราะ ยังทำให้เห็นภาพความวิจิตรงดงามของศิลปะอาหารชาววังที่อยู่คู่กับกุลสตรี สยาม ซึ่งความงามของอาหารไม่เพียงแต่ความงามที่ปรากฏแก่สายตามเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงสุนทรีย์แห่งรสชาติ ซึ่งในปัจจุบันตำรับอาหารคาวหวานและผลไม้ชนิดต่างๆ ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมไทยทุกวันนี้

อ้างอิง

กำจัดสิวอุดตันด้วย Retin A







RETIN A ใช้อย่างไร ?


Retin A คือยาทาอนุพันธ์ของวิตามินเอ มีชื่อสามัญว่า Tretinoinใช้ในการรักษาสิว
ใช้ในการรักษาสิว มีฤทธิในการละลายหัวสิว
ลดรอยแผลเป็นจากสิว
ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น
ชะลอความชราของผิว

differin มีสองความเข้มข้น

differin มีสองความเข้มข้นคือ0.025และ 0.05ควรเริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำก่อนเพื่อลดอาการระคายเคืองชนิดความเข้มข้นสูงเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน

ข้อแตกต่างของ retin A ?
ข้อแตกต่างของ retin A จากยาทาละลายหัวสิวอนุพันธ์ของวิตามินเอชนิดอื่นคือยาตัวนี้จะเป็นตัวออกมาเป็นตัวแรกๆ ราคาจะย่อมเยากว่า แต่ก็มีอากาศเกิดการระคายเคืองได้มากว่าทาได้เฉพาะตอนกลางคืนเนื่องจากตัวยาไม่สเถียรเมื่อถูกแสง

วิธีใช้
ล้างหน้าและเครื่องสำอางค์ให้สะอาดใช้ทาวันละครั้งก่อนนอน

Tip and Trick ในการใช้ Retin A
เริ่มจากการทายาแต่น้อยคนผิวแห้งจะระคายเคืองง่าย ให้ทายาแต่น้อยอาจเริ่มด้วยการทาแล้วล้างออก ต่อมาเป็นทาวันเว้นวันก่อนนอน ต่อมาปรับเป็นทุกวัน เมื่อผิวหน้าเริ่มชินขึ้นเรื่อยๆคนผิวมันปัญหาระคายเคืองจะน้อยกว่า เริ่มด้วยการทาทุกวันก่อนนอนได้เลยเวลาทายาควรเว้นรอบปาก รอบตา รอบจมูก เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางระคายเคืองง่ายช่วงแรกที่ใช้ยาจะรู้สึกสิวผุดขึ้นมาเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้สิวหายแล้วก็สามารถใช้ยานี้ไปได้เรื่อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันสิว และชลอความชราของผิวจากแดดด้วย
ใช้ควบคู่กับการทาครีมกันแดดและ Moisturizer เสมอเพื่อป้องกันการระคายเคืองจากยาและควรเลี่ยงแดดจัดเลี่ยงการขัดหน้า scrub ผิวเนื่องจากทำให้เกิดการระคายเคืองRetin A ผลข้างเคียงผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือมากกว่า 1% ของผู้ใช้คือผิวบริเวณที่ทายาแห้ง ลอก ระคายเคืองเมื่อเจอแสง
การใช้ยาทาอนุพันธ์ของวิตามินเอเพื่อรักษาสิวนั้นมักพบสิวเห่อขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ แรก

Retin A เมื่อไหร่เห็นผล ?
ผลการรักษาจะเห็นที่ประมาณหนึ่งเดือน หลังทนผ่านช่วงสิวเห่อไปได้แล้วช่วงสิวเห่อมากๆนี้ในบางรายอาจต้องรับประทานยาสเตียรอยด์ หรือยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบช่วยด้วย

เด็กใช้ได้ไหม ?
differin ใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปส่วนในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในการใช้ยาค่ะ

ตั้งครรภ์ใช้ Retin Aได้หรือไม่ ?
ยา Retin A จัดอยู่ใน Pregnancy cayegory Cไม่ควรใช้ในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากอาจเกิดผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์หากต้องการใช้ยารักษาสิว สามารถใช้ Azelaic Acid ได้ ส่วนในผู้ที่ให้นมบุตรนั้นยังไม่มีข้อมูลว่ายา Retin A ผ่านทางน้ำนมหรือไม่หากจำเป็นต้องใช้จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เฉพาะรายที่จำเป็นเท่านั้นค่ะ

อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=pIAY4WVDfK8

http://www.skinanswer.org/การรักษา/ยาทา/retin-a-ใช้อย่างไร/

เทคโนโลยีการวาดภาพดิจิทัล




หลายคนคงเคยสงสัยว่า ภาพเขียนสีน้ำคนเสมือนจริง ภาพวิวทิวทัศน์ และภาพการ์ตูนต่างๆ ที่มีให้โหลดเป็นวอล์เปอร์ตามเว็บไซต์ทั่วๆ ไป เป็นภาพที่สร้างขึ้นจากปลายพู่กัน หรือสร้างโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กันแน่...คำตอบคือ ภาพเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการวาดภาพสมัยใหม่ที่เรียกว่า "Digital Painting" เนื่องจากความก้าวล้ำของเทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้คอมพิวเตอร์มีบทบาทในการทำงานแทนมนุษย์ในหลายๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่ง "งานศิลปะ" ที่คอมพิวเตอร์สามารถผลิตผลงานออกมาได้ไม่แพ้ผีมือของมนุษย์ อีกทั้งการวาดภาพโดยวิธีนี้ทั้งยังช่วยประหยัดเวลา ค่าอุปกรณ์การวาดภาพ รวมไปถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างละเอียดหลากหลาย จนทำให้การวาดภาพด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยม และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี และสื่อความบันเทิงต่างๆ ที่หันมาใช้วิธีการวาดภาพชนิดนี้อย่างแพร่หลาย
Digital Painting คืออะไร? Digital Painting คือการวาดภาพรูปแบบใหม่เสมือนจากการวาดภาพในแบบที่ใช้ สีน้ำ สีน้ำมัน ฯลฯ วาดลงกระดาษ โดยใช้เครื่องมือดิจิตอลอย่าง คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต (เมาท์ปากกา) และ ซอฟแวร์ ในการสรรสร้างงานศิลปะบนคอมพิวเตอร์ซึ่งทุกโปรแกรมจะพยายามเลียนแบบการวาดภาพให้เหมือนจริงผ่านหัวแปรงต่างๆ และผลสี หัวแปรงแต่ละชนิดที่อยู่ในโปรแกรมต่างๆ จะเป็นตัวแทนของอุปกรณ์นั้นๆ เช่น สีน้ำ สีน้ำมัน ถ่าน ปากกา พู่กัน เป็นต้น ในปัจจุบัน Digital Painting ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการออกแบบแนวคิดสำหรับ เกม ภาพยนตร์โทรทัศน์และวีดิโอ โดยโปรแกรมที่นิยมใช้สร้างผลงานชนิดนี้ได้แก่ Adobe Photoshop และ Adobe Illustrator เป็นต้น
ปัจจัยหลักที่ทำให้การวาดภาพชนิดนี้ได้รับความนิยม และถูกนำมาใช้ในงานกราฟฟิค เนื่องจากความสะดวก รวดเร็วในการ ทำงานทั้งในแง่ของการสร้างข้อมูล แก้ไขข้อมูล ลบข้อมูล และรวมถึงการจัดการต่างๆ ด้วย เช่น การจัดเก็บ การรับส่งข้อมูล เป็นต้น

ศิลปะเป็นงานอย่างหนึ่งที่ต้องการความแม่นยำในการสร้างงานสูง หากการวาดเส้นผิดพลาดไปเพียงเส้นเดียว หรือเลือกลงสีผิดไป ก็อาจทำให้ต้องเริ่มงานกันใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นปัญหาในการทำงานศิลปะเป็นอย่างมาก ดังนั้นการวาดรูปหรือการสร้างสรรค์งานในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการสร้าง แก้ไข ลบ อย่างที่กล่าวไว้แล้วนั้นมาช่วยให้เราสามารถทำงานศิลปะได้อย่างง่ายดายและสนุกไปกับการสร้างสรรค์ผลงานนั้นๆ

นอกเหนือจากคุณสมบัติในการแก้ไขงานได้ง่ายแล้ว การทำงานศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์นี้ยังมีเทคนิคการสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย ทั้งการตกแต่งภาพ การเพิ่มลูกเล่นพิเศษต่างๆ การนำเสนอผลงานบนอินเทอร์เน็ต การทำภาพเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั้งงาน 3 มิติเองก็ตาม



อ้างอิง


https://sites.google.com/site/mydigitalpainting/