กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สันนิฐานว่าทรงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 เพราะมีความบางตอนได้ทรงชมสมเด็จพระศรีสุริเยน ทราบรมราชินีเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ ซึ่งมีฝีพระหัตถ์ในกระบวนเครื่องเสวยไม่มีผู้ใดจะมีฝีมือเทียบเคียงได้
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน เป็นความงดงามของวรรณคดีที่สะท้อนให้เห็นความประณีต ละเอียดละอ่อนของชนชาติไทยที่บรรจงประดิดประดอยโภชนาหารนานาชนิดให้เลิศด้วย รสชาติแลวิลาสด้วยรูปลักษณ์ และสะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่าเด่นชัด บทเห่แบ่งเป็นชมเครื่องคาว ชมผลไม้ และชมเครื่องหวาน บทเห่ชมเครื่องคาว ไม่เพียงแต่จะเอ่ยเพียงชื่ออาหารที่เป็นที่นิยมในกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้น แต่ยังบอกลักษณะที่ควรจะเป็นของอาหารชนิดนั้นไว้
มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลิ่นแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
อาหารคาวที่ปรากฏในบทเห่นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระปรีชาสามารถเลือกอาหารขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความในพระราชหฤทัยได้อย่างไพเราะ เหมาะสม กลมกลืนและบริบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ ซึ่งถือได้ว่าเลิศกว่ารสใดๆ ทั้งสิ้น
ล่าเตียงคิดเตียงนอน นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่นกลุ้มกลางทรวง
(ยาม ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงทอดพระเนตร “ ล่าเตียง ” ก็ทรงรำลึกถึงแท่นบรรจถรณ์ที่นำมาจาก ล้านนาของพระมเหสี แลทรงปรารถนาจะร่วมอภิรมย์ประสมสอง หากแต่พอทรงทอดพระเนตรเห็น “ หรุ่ม ” ก็ทรงปริเทวนาการ ด้วยรักนั้นถึงกาลวิปโยค)
ความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้มีการติดต่อค้าขายกับชนชาติต่างๆ จึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมเกิดขึ้น “ น้ำปลาญี่ปุ่น ” แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนสุวรรณภูมิและดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ สนิมแนบแน่นมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เกิดการผสมผสานของวัฒนธรรมด้านอาหารของคนสองเชื้อชาติได้อย่างลงตัว
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
เห่ชมผลไม้ เริ่มด้วยการชมผลชิดแช่อิ่ม และพรรณนาถึงผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ลูกตาล ลูกจากลอยแก้ว มะปราง มะม่วงหมอนทอง มะม่วงอกร่อง ลิ้นจี่ พลับจีนกวน น้ำตาล น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด เงาะ และผลสละ ศาสตร์และศิลปะแห่งอาหารชาววัง ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบจากบทเห่ชมผลไม้ซึ่งได้พรรณนา ถึงศิลปะในการแกะ ปอก คว้านผลไม้ได้อย่างวิจิตร งดงาม ของกุลสตรีไทยที่ไม่มีหญิงชนชาติใดเหมือน
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
เห่ชมเครื่องหวาน มีเครื่องหวานหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียว สังขยาหน้าไข่ ซ่าหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง และฝอยทอง เครื่องหวานที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานในด้านวัฒนธรรมอาหารของไทย กับหลายเชื้อชาติตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์ กรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์
มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใครขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังเคลง
ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนอกจาก จะแสดงถึงพระปรีชาสามารถทางกวีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ ทรงพระราชนิพนธ์ได้อย่างไพเราะ ยังทำให้เห็นภาพความวิจิตรงดงามของศิลปะอาหารชาววังที่อยู่คู่กับกุลสตรี สยาม ซึ่งความงามของอาหารไม่เพียงแต่ความงามที่ปรากฏแก่สายตามเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงสุนทรีย์แห่งรสชาติ ซึ่งในปัจจุบันตำรับอาหารคาวหวานและผลไม้ชนิดต่างๆ ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมไทยทุกวันนี้
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
เห่ชมผลไม้ เริ่มด้วยการชมผลชิดแช่อิ่ม และพรรณนาถึงผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ลูกตาล ลูกจากลอยแก้ว มะปราง มะม่วงหมอนทอง มะม่วงอกร่อง ลิ้นจี่ พลับจีนกวน น้ำตาล น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด เงาะ และผลสละ ศาสตร์และศิลปะแห่งอาหารชาววัง ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบจากบทเห่ชมผลไม้ซึ่งได้พรรณนา ถึงศิลปะในการแกะ ปอก คว้านผลไม้ได้อย่างวิจิตร งดงาม ของกุลสตรีไทยที่ไม่มีหญิงชนชาติใดเหมือน
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
เห่ชมเครื่องหวาน มีเครื่องหวานหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียว สังขยาหน้าไข่ ซ่าหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง และฝอยทอง เครื่องหวานที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานในด้านวัฒนธรรมอาหารของไทย กับหลายเชื้อชาติตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์ กรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์
มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใครขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังเคลง
ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนอกจาก จะแสดงถึงพระปรีชาสามารถทางกวีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ ทรงพระราชนิพนธ์ได้อย่างไพเราะ ยังทำให้เห็นภาพความวิจิตรงดงามของศิลปะอาหารชาววังที่อยู่คู่กับกุลสตรี สยาม ซึ่งความงามของอาหารไม่เพียงแต่ความงามที่ปรากฏแก่สายตามเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงสุนทรีย์แห่งรสชาติ ซึ่งในปัจจุบันตำรับอาหารคาวหวานและผลไม้ชนิดต่างๆ ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมไทยทุกวันนี้
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น